Category: Technology (page 1 of 1)

มารู้จักกับรางวายเวย์ และข้อกำหนดการใช้งาน

รางเดินสายไฟที่ใช้กันในปัจจุบัน จะแบ่งออกเป็นสองแบบใหญ่ๆ ก็คือ รางวายเวย์ กับรางเคเบิลเทรย์ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จะแตกต่างกันตรงที่ลักษณะของการนำมาใช้กับพื้นที่ที่ต่างกัน ดังนั้นในการเลือกใช้ขึงต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยรางแต่ละชนิดจะมีข้อกำหนดของการใช้งานที่แตกต่างกัน ว่าใช้ภายในหรือภายนอก ใช้กับสายไฟชนิดใดได้บ้าง

ดังนั้นก่อนอื่นเราจะมาทำความรู้จักเกี่ยวกับ รางวายเวย์ ว่ามีวิธีการผลิตอย่างไร และเหมาะกับการใช้งานกับงานลักษณะ เพื่อจะได้เลือกใช้งานได้อย่างถูกต้อง

รางวายเวย์ ทำมาจากอะไร

ส่วนใหญ่แล้วรางวายเวย์ จะทำมาจากวัสดุที่เป็นแสตนเลส หรือเป็นแผ่นเหล็กแล้วนำมาเคลือสี เพื่อให้ได้คุณสมบัติเหมาะสมกับการใช้งาน นอกจากจะนี้ยังมีวัสดุอีกหลายชนิดที่สามารถนำมาทำได้ เช่นอลูมิเนียม โดยวัสดุแต่ละชนิดก็จะส่งผลทำให้ราคาของรางแตกต่างกันไปด้วย  สำหรับลักษณะของตัวราง จะประกอบไปด้วยส่วนที่เป็นตัวราง และมีฝาที่ใช้ปิดด้านบน

ในการใช้งานรางชนิดจะต้องใช้สกรูในการขันยึดด้วย จึงจะทำให้รางมีความแข็งแรงมากขึ้น ในการติดตั้งรางวายเวย์ นิยมติดตั้งในพื้นที่เปิดโล่งที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย อย่างเช่นในการซ่อมบำรุงหรือตรวจเช็ครางในกรณีที่มีปัญหา เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงจะต้องเข้าถึงได้ทันที เพราะว่าเป็นรางที่มีฝาปิด หากติดตั้งในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก การบุรงรักษาในภายหลังก็จะทำได้ลำบาก

รางวายเวย์

ข้อดีของรางวายเวย์

เนื่องจาก รางวายเวย์ เป็นรางที่มีฝาปิดและใช้สกรูในการยึด ดังนั้นจะช่วยป้องกันสายไฟจากสิ่งสกปรกภายนอกได้เป็นอย่างดี หรือจะเป็นพวกสัตว์ต่างๆ ที่มักจะเข้าไปทำลายสายไปก็จะเข้าไปไม่ได้ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของสายไฟได้ยาวนานยิ่งขึ้น และความแข็งแรงจากการใช้สกรูยึด ก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวรางเช่นกัน

ข้อกำหนดของการใช้รางวายเวย์

1.ใช้ในพื้นที่เปิดโล่ง อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า เป็นรางปิดทึบ ดังนั้นจึงต้องเข้าดูแลได้สะดวก จึงจำเป็นต้องติดตั้งในที่โล่งเท่านั้น

2.จำนวนสายไฟเหมาะสม จำนวนสายไฟที่เหมาะสมกับการติดตั้งในรางวายเวย์ ไม่ควรจะเกิน 30 เส้น เพื่อความปลอดภัย โดยนับจากสายที่มีการไหลของกระแสไฟฟ้า

3.มีจุดยึดที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยของตัวราง จะต้องมีการติดตั้งตัวยึดรางในทุกๆ 1.5 เมตร

4.ใช้ให้เหมาะสม ในกรณีที่ต้องการนำรางวายเวย์มาใช้งานในที่กลางแจ้ง ที่อาจจะเสี่ยงกับการโดนฝน ควรจะเลือกใช้รางที่มีคุณสมบัติในการกันฝนด้วย เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากสายไฟโดนน้ำ และในกรณีของการใช้งานในพื้นที่เสี่ยงเช่นกัน ก็ควรเลือกวัสดุของรางที่เหมาะกับหน้างาน

ถึงแม้ว่า รางวายเวย์ จะมีประโยชน์ในการใช้งานเป็นพิเศษ ยังไงในการเลือกก็ต้องเลือกให้เหมาะสมอยู่ดี ดังนั้นในการเลือกชนิดของรางหรือการติดตั้งราง ควรจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้เท่านั้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารางได้ถูกติดตั้งอย่างถูกต้อง จะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลัง

ทำความรู้จักกับหน้าที่สำคัญของช่วงล่างของรถยนต์

บทความนี้ เราจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับหน้าที่สำคัญของช่วงล่างของรถยนต์กัน ว่าช่วงล่างของรถยนต์นั้น มีหน้าที่อะไร และสำคัญฉไนกับรถยนต์หนึ่งคัน พร้อมทั้งทริคสำหรับการสังเกตช่วงล่างของรถยนต์ที่ทางร้าน Jeksuspension มีจำหน่ายนั้นว่าชิ้นไหนดี ชิ้นไหนควรเปลี่ยน และหากเพื่อนๆ ผู้อ่านพร้อมแล้ว เรามาเลื่อนลงไปดูคำตอบเหล่านั้นพร้อมๆ กันเลย

ทำความรู้จักกับหน้าที่สำคัญของช่วงล่างของรถยนต์

  • หน้าที่สำคัญของช่วงล่างของรถยนต์ คือ รองรับน้ำหนักของตัวรถยนต์ ส่วนล่างของรถยนต์เป็นส่วนที่จะสัมผัสกับพื้นถนน ซึ่งรวมไปถึงล้อรถ ทำให้เกิดความสมดุลต่างๆ ในการขับเคลื่อน 
  • หน้าที่สำคัญของช่วงล่างของรถยนต์ คือ รองรับและป้องกันแรงสั่นสะเทือน นอกจากช่วงล่างจะคอยแบกรับน้ำหนักของตัวรถแล้ว ก็ยังช่วยรับแรงกระแทกหรือแรงสั่นสะเทือนเวลาที่รถตกหลุม หรือขับบนพื้นสภาพผิวถนนที่ขรุขระ 
  • หน้าที่สำคัญของช่วงล่างของรถยนต์ คือ รักษาสมดุลของพื้นผิวถนนและตัวรถ เมื่อเวลาที่รถขับเคลื่อนในสภาพถนนที่ขรุขระเป็นหลุม ระบบช่วงล่างจะสามารถปรับระดับของล้อที่สัมผัสกับพื้นผิวถนน ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดความกระทบกระเทือนกับตัวพื้นรถด้านล่าง
  • หน้าที่สำคัญของช่วงล่างของรถยนต์ คือ ทำหน้าที่เป็นตัวชะลอหรือหยุดรถ ระบบช่วงล่างจะมีส่วนของเบรกมือและเบรกเท้า เป็นส่วนสำคัญของการควบคุมการเคลื่อนที่ของรถยนต์ จึงทำให้เบรกหรือชะลอรถได้ดีขึ้น
ทำความรู้จักกับหน้าที่สำคัญของช่วงล่างของรถยนต์

ทริคสำหรับการสังเกตช่วงล่างของรถยนต์ว่าชิ้นไหนดี ชิ้นไหนควรเปลี่ยน

  • ลูกหมาก ถ้าหากชิ้นส่วนเหล่านี้มีปัญหาให้ฟังเสียงดังกุกกักจากใต้ท้องรถ สามารถบอกได้เลยว่าลูกหมากกำลังมีปัญหา
  • โช้คอัพ อาการที่ควรสังเกต คือ เวลารถตกหลุมแล้วรถยวบยาบทำให้เกิดการเบรกบ่อย และจะได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของสปริง
  • ชุดคันส่ง อาการที่ควรสังเกต คือ รู้สึกได้ว่าพวงมาลัยมีอาการสั่น ถ้าบังคับรถจะรู้สึกว่าต้องหมุนพวงมาลัยมากขึ้น และมีเสียงดังมาจากพวงมาลัยเวลาหมุนหรือเลี้ยวรถ

และนี่คือ หน้าที่สำคัญของช่วงล่างของรถยนต์ และทริคสำหรับการสังเกตช่วงล่างของรถยนต์ว่าชิ้นไหนดี ชิ้นไหนควรเปลี่ยนที่เราตนำมาฝากกันในบทความนี้ ทั้งนี้ ทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูลความรู้เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะ

มาส่องดูเครื่องวัดคุณภาพอากาศจาก PICO กันว่ามีตัวไหนน่าสนใจบ้าง

การวัดคุณภาพทางอากาศ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญของโรงงาน หรือ สถานประกอบการต่าง ๆ ที่มีแนวโน้มว่าจะสร้างมลพิษทางอากาศเยอะกว่าปกติ เพราะการวัดคุณภาพอากาศนั้นจะช่วยให้คุณสามารถทราบถึงแหล่งกำเนิด และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทันท่วงที รวมทั้งยังเป็นการรักษาสุขภาพร่างกายให้กับแรงงานของเราอีกด้วย ส่วนเครื่องวัดคุณภาพอากาศจาก PICO มีตัวไหนที่น่าสนใจบ้าง มาดูกันเลยค่ะ 

  1. CO Monitoring

เครื่องวัดค่า CO หรือ คาร์บอนมอนออกไซด์ในอากาศ ซึ่งเป็นก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ โมเลกุลของมันสามารถไปจับกับฮีโมโกบินในเม็ดเลือดแดง และ ทำให้เม็ดเลือดแดงลำเลียงออกซิเจนไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้น้อยลง จนทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย 

  1. SO2 Monitoring

เครื่องวัดค่า SO2 หรือ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในอากาศ เป็นเกิดจากธรรมชาติและการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่มีกำมะถัน (ซัลเฟอร์) เป็นส่วนประกอบ สามารถละลายน้ำได้ดี สามารถรวมตัวกับสารมลพิษอื่นแล้วก่อตัวเป็นอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กได้ ก๊าซ SO2 มีผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุตา ผิวหนัง และระบบทางเดินหายใจ หากได้รับเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังได้ 

  1. NO-NO2-NOx Monitoring

เครื่องวัดค่าก๊าซตระกูลไนโตรเจนอย่าง NO2 หรือ ไนโตรเจนไดออกไซด์ในอากาศ เป็นก๊าซที่ มีอยู่ทั่วไปในธรรมชาติ หรือเกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงต่าง ๆ อุตสาหกรรมบางชนิด เป็นต้น ก๊าซนี้มีผลต่อระบบการมองเห็นและผู้ที่มีอาการหอบหืดหรือ โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจได้ 

  1. O3 Monitoring

เครื่องวัดค่า O3 หรือ โอโซนในอากาศ ซึ่งเป็นก๊าซที่เกิดขึ้นได้ทั้งในระดับบรรยากาศชั้นที่สูงจากผิวโลก และระดับชั้นบรรยากาศผิวโลกที่ใกล้พื้นดิน ก๊าซโอโซนที่เป็นสารมลพิษทางอากาศ คือ ก๊าซโอโซนในชั้นบรรยากาศผิวโลก เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย โดยมีแสงแดดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา O3 หรือ โอโซนก่อให้เกิดการระคายเคืองตา ระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ และเยื่อบุต่าง ๆ ความสามารถในการทำงานของปอดลดลง เหนื่อยเร็ว โดยเฉพาะในเด็ก คนชรา และคนที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง

  1. CO2 Monitoring

เครื่องวัดค่า CO2 หรือ คาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ ซึ่งเป็นก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ และ ส่งผลต่อทางเดินหายใจ และ ทำให้ก๊าซออกซิเจนในอากาศเจือจางลงและส่งผลให้เกิดภาวะหายใจไม่ออกได้ 

  1. Multi Gas Calibrator

ตัวสุดท้ายเป็นเครื่องวัดคุณภาพอากาศที่สามารถวัดค่าได้หลายก๊าซ ไม่ว่าจะเป็น ก๊าซโอโซน, คาร์บอนมอนออกไซด์, ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์, ไนโตรเจนไดออกไซด์, คาร์บอนไดออกไซด์ และ อื่น ๆ อีกหลายตัว เรียกได้ว่าเครื่องเดียวก็เอาอยู่

หากคุณสนใจอยากสั่งซื้อเครื่องวัดคุณภาพอากาศจาก PICO ก็สามารถขไปดูรายละเอียดของสินค้า และ การบริการจากเราได้ที่ https://www.pico.co.th/ หรือ ติดต่อสอบถาม และ ปรึกษาเราได้ที่ LINE: @pico และ อีเมล: marketing@pico.co.th คิดถึง ตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือวัด ครบวงจรในงานอุตสาหกรรม ต้อง PICO

เพราะอะไรเราถึงต้องใช้ ซอฟต์แวร์ CRM ในองค์กรทุกองค์กร

บริษัทหรือว่าองค์กรทุกองค์ในปัจจุบัน ล้วนแต่มีการแข่งขันกันที่หนรักหน่อวง รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี่มีคุ่แข่งรายใหม่ๆ ขึ้นมาให้เห็นอยู่เป็นประจำ ทำให้เจ้าเก่า จะต้องหาวิธี และหลักการในการบริหารงานใหม่ๆ เข้ามาช่วยจัดงานในองค์กรอยู่ตลอด เพื่อให้ก้าวทันโลก และป้องกันไม่ให้คู่แข่ง มาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด

และปัจจุบันก็มี ซอฟต์แวร์ CRM ที่เป็นตัวช่วยหลักนองค์กรทุกองค์กร โดยโปรแกรม CRM หรือ Customer Relationship Management เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยจัดการ ในเรื่องของการบริหาร และการจัดการส่วนต่างๆ ในองค์กรได้เป็นอย่างดี ทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น เป็นที่น่าเชื่อถือให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนียังช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำงานอีกหลายฝ่าย ยกตัวอย่างเช่น

-ช่วยในจัดการและบริหารการขาย ซอฟต์แวร์ CRM เป็นโปรแกรมที่เข้ามาจัดระเบียบ ข้อมูลต่างๆของลูกค้าได้แป็นอย่างดี โดยตัวโปรแกรม จะทำการเก็บข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าเอาไว้เช่น ชื่อนามสกุล ที่อยู่สำหรับติดต่อ นอกจากนี้ยังสามารถเก็บพฤติกรรมต่างของลูกค้า ที่มีต่อสินค้าและบริการของเราด้วย ว่ามีความชอบในสินค้าตัวไหน ลูกค้าชื่นชอบสินค้าตัวไหนเป็นพิเศษ รวมไปถึงการจัดการสินค้า ให้เหมาะกับลูกค้าชแต่ละประเภท ตามความชอบของลูกค้าแต่ละคน

หากมาการสั่งซื้อสินค้า โปรแกรมก็สามารถสรุปข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับการซื้อขาย เป็นเดือนหรือเป็นปีได้เลย เป็นเหมือนกับการสรุปยอด ว่ามีรายได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่าไหร่ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้นได้อย่างถูกจุด โดยเอาข้อมูลของลูกค้าที่เก็บได้ มาวิเคราะห์เป็นกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหา

-ระบบจัดการการตลาดโปรแกรม จะนำข้อมูลที่ได้จากการเก็จากลูกค้า มาวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมของลูกค้า ที่มีต่อตัวสินค้านั้น เช่นลูกค้านิยมซื้อสินค้าชนิดๆ ในช่วงเดือนนี้หรือเทศกาลนีเป็นพิเศษ จะต้องทำอย่างไรถึงจะมียอดขายสินค้าชนิดนั้นมากขึ้น จะต้องหาโปรโมชั่น หรือว่าแคมเปญอะไรมาเสริม เพื่อจะได้เป็นตัวจูงใจให้ลูกค้าหันมาสนใจในตัวสินค้าเพิ่มมากขึ้น

-แยกลูกค้าชัดเจน ข้อดีของการใช้โปรแกรมลูกค้าสัมพันธ์ นอกจากเราจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าต่างๆแล้ว ซอฟต์แวร์ CRM ยังสามารถแยกประเภทของลูกค้าได้อย่างชัดเจน ว่าเป็นลูกค้ากลุ่มไหน นิยมสินค้าอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ มีความต้องการสินค้าชนิดอะไรมาก นิยมซื้ออะไร และแบ่งกลุ่มอายุของคนแต่ละวัยได้ด้วย ทำให้ง่ายต่อการจัดการข้อมูลมากกว่าเดิม

-ทุกฝ่ายทำงานง่ายขึ้น เพราะซอฟต์แวร์ CRM ไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะฝ่ายขายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทุกฝ่ายในบริษัทหรือองค์กร สามารถที่จะเข้าถึงข้อมูล และจัดการข้อมูทุกอย่างได้อย่างสอดคล้อง ทำให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม การทำงานก็ง่ายกว่าเดิมหลายเท่าด้วย 

และในปัจจุบันตัวโปรแกรม ก็มีการพัฒนาให้มีการใช้งานที่ง่ายมากกว่าเดิม โดยใช้เพียงสมาร์ทโฟนอย่างเดียวเท่านั้น ก็สามารถเข้าไปจัดการข้อมูลทุกอย่างในซอฟต์แวร์ CRM ได้ทุกที่ทุกเวลา การใช้โปรแกรมลูกค้าสัมพันธ์ จึงถือว่าเป็นความจำเป็นสำหรับทุกองค์กร และทุกบริษัทอย่างยิ่ง หากต้องการการทำงานที่ง่ายขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรหาโปรแกรมลูกค้าสัมพันธ์ เอามาไว้ใชในองค์กรด้วยจะดีที่สุด

บ้านน็อคดาวน์สร้างได้โดยใช้เทคโนโลยี

บ้านน็อคดาวน์หรือบ้านสำเร็จรูปกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในยุคเศรษฐกิจแบบบ้านเราด้วยราคาวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างที่มีราคาค่อนข้างสูงทำให้บ้านน็อคดาวน์ใกล้เป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจ  ซึ่งเราสามารถใช้เทคโนโลยีที่มีความทันสมัย  ไม่ว่าจะเป็นวัสดุอุปกรณ์  ซึ่งในยุคนี้ เราสามารถเลือกใช้ได้หลากหลายราคา คุณภาพก็จะแตกต่างกันไปตามปกติ  บ้านแบบนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่มีงบประมาณไม่มากแต่อยากมีบ้านหลังเล็กๆเป็นของตัวเอง ซึ่งรูปแบบของบ้านสำเร็จรูปนั้นจะมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบโมเดิร์นทันสมัย หรือลักษณะคล้ายบ้านทรงไทยหลังเล็กๆ ซึ่งเหมาะกับการอยู่อาศัย และมีพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างจัดสรรได้ลงตัว แต่หลายคนอาจจะคิดว่าบ้านแบบสำเร็จรูปเล็กเกินไปสำหรับอยู่อาศัยแบบถาวรแต่เราอยากจะบอกคุณว่าบ้านสร้างเร็วในยุคนี้มีความทันสมัยอย่างมากสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามความต้องการอีกทั้งยังสามารถรองรับครอบครัวเล็กๆที่มีสมาชิก 2-3 คนหรือจะขยายให้ใหญ่กว่านั้นก็สามารถทำได้ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่คุณเลือกซื้อและขึ้นอยู่กับงบประมาณโดยส่วนใหญ่แล้วบ้านสำเร็จรูปจะเริ่มต้นพื้นที่ใช้สอยที่ประมาณ 24 ตารางเมตรซึ่งเหมาะกับการทำเป็นห้องพักในรีสอร์ทหรือเป็นบ้านพักอาศัยสำหรับคนโสดซึ่งภายในนั้นก็จะประกอบไปด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำและพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์

            และด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ฉากกั้นห้องที่มีความทันสมัย ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ อในเรื่องการออกแบบ  ก็สามารถช่วยให้เราจัดแบ่งพื้นที่ต่างๆได้อย่างลงตัวมากยิ่งขึ้นและในปัจจุบันบ้านน๊อคดาวน์ได้พัฒนารูปแบบให้มีความสวยงามเลือกใช้วัสดุที่มีความทนทานอีกทั้งยังปรับขนาดได้มากกว่าเดิมซึ่งในปัจจุบันนี้แบบบ้านสร้างสำเร็จรูปนั้นมีลักษณะคล้ายบ้านชั้นเดียวมีรูปแบบสวยงามและทันสมัยอีกทั้งยังมีขนาด 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นได้งบประมาณราคาไม่เกิน 300,000 บาทซึ่งจะขึ้นอยู่กับวัสดุการก่อสร้างและขนาดของพื้นที่ใช้สอยจึงถือว่าบ้านสำเร็จรูปเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่สนใจอยากจะสร้างบ้านในงบประมาณที่จำกัดและราคาเริ่มต้นส่วนใหญ่น่าจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาทขึ้นไปจนถึง 1 ล้านบาทก็มีแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องอยู่กับความเหมาะสมในแบบที่คุณเลือกหรือวัสดุต่างๆที่นำมาก่อสร้างอีกทั้งถอดประกอบนั้นสามารถสร้างได้อย่างรวดเร็วและมีความแข็งแรงทนทานไม่แพ้การก่อสร้างบ้านหรืออาคารทั่วไปจึงเหมาะกับคนที่มีที่ดินเปล่า ในขณะที่ไม่ใหญ่หรือต้องการสร้างบ้านหลายหลังอยู่ในพื้นที่เดียวกันบ้านสำเร็จรูปถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการของการมีบ้านเลยทีเดียว

และหากคุณสนใจบ้านน็อคดาวน์ที่มีความทันสมัยหลากหลายรูปแบบหลากหลายงบประมาณคุณสามารถดูข้อมูลได้จากทางหน้าเว็บไซต์นี้หรือติดต่อสอบถามกันเข้ามาได้เรามีข้อมูลรายละเอียดของบ้านสร้างเร็วแบบต่างๆให้คุณได้ศึกษาข้อมูลหรือเลือกสร้างได้ตามงบประมาณที่มี

เทคโนโลยี ทำให้ บ้านน็อคดาวน์VS บ้านปรกติ แตกต่างกันอย่างไร?

 บ้านเป็นสถานที่ที่เราใช้พักอาศัยมาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันนี้บ้านก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปเป็นแฟลต คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ เป็นต้น  เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย  และด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งในส่วนของเทคโนโลยีที่มีบทบาทต่อการอยู่อาศํยนั้น ก็ทำให้เกิดรูปแบบของบ้านน็อคดาวน์ขึ้น ซ฿งในวันนี้ก็มีข้อเปรียบเทียบว่า แตกต่างกันอย่างไรกับบ้านเดี่ยวปกติ  วันนี้เรามีคำตอบค่ะ

– ขนาด

            ด้วยเทคโนโลยีการปลูกสร้าง และการดีไซน์ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย คุณจะสามารถเห็นได้ชัดเจนเลยทีเดียวว่าขนาดของทั้งสองอย่างนี้นั้นแตกต่างกันมากเท่าไหร่ บ้านเดี่ยวหรือบ้านทาวน์เฮาส์ปรกตินั้นจะมีขนาดและพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่าบ้านน็อคดาวน์เนื่องจากบ้านประเภทนี้จะถูกจำกัดพื้นที่ใช้สอยโดยผู้สร้างบ้านและผู้ที่ตกแต่งบ้านค่ะ ดังนั้น หากคุณต้องการพื้นที่ใช้สอยปานกลางก็ควรใช้บ้านขนาดนี้ค่ะ แต่หากคุณต้องการบ้านขนาดใหญ่มากขึ้นนั้น ก็ต้องเลือกบ้านประเภททาวน์เฮาส์หรือบ้านเดี่ยวจะดีกว่าค่ะ

– ราคา

            ในด้านของราคาระหว่างบ้านน็อคดาวน์และบ้านปกตินั้น ก็ต้องบอกเลยว่า เมื่อขนาดของพื้นที่มันแตกต่าง ราคาก็จะยิ่งแพงมากขึ้น โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวนั้น ถึงแม้จะมีชั้นเดียวเหมือนกัน แต่หากคุณสังเกตพื้นที่การใช้งานของบ้านเดี่ยว ก็มีหลากหลายห้อง และหลายสัดส่วน ดังนั้น บ้านประเภทน็อคดาวน์จึงมีราคาถูกกว่าบ้านชนิดอื่น ๆ นั่นเองค่ะ หากว่าคุณเป็นคนที่ชอบบ้านที่เรียบง่ายและไม่แพง คุณอาจจะเลือกบ้านประเภทน็อคดาวน์เพื่ออยู่อาศัยก็ได้ค่ะราคาย่อมเยา แถมยังเรียบง่ายแบบนี้ รับรองว่าใครก็ต้องอยากมีบ้านสไตล์นี้อย่างแน่นอนค่ะ

-การตกแต่ง

            เทคโนโลยีมีส่วนในการตกแต่งบ้านอย่างแน่อนอน เริ่มตั้งแต่การมองเห็นภาพบ้านของคุรแบบ 3 มิติ ด้วยบริการจากบริษัทรับตกแต่งบ้านชั้นนำ ที่จะช่วยให้การออกแบบภายในบ้านของคุณสวยงามมากขึ้น  ซึ่ง การตกแต่งบ้านแบบทาวน์เฮาส์หรือบ้านเดี่ยวกับบ้านน็อคดาวน์นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  เพราะว่าหากเป็นบ้านรูปแบบปรกติ คุณจะต้องดูแลตั้งแต่พื้น ผนัง ประตู ห้องนอน ห้องน้ำ เป็นต้น รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ทั้งบ้านเลยค่ะ สามารถตกแต่งได้ตามความต้องการของคุณเลยค่ะ ซึ่งนี่อาจจะเป็นข้อเสียของคนที่ไม่รักการตกแต่งบ้านนั่นเอง แต่สำหรับบ้านในแบบน็อคดาวน์นั้นจะมีการตกแต่งภายในบ้านพร้อมมีสุขภัณฑ์ในห้องน้ำให้คุณเรียบร้อยเลยล่ะค่ะ คุณสามารถเพิ่มเฟอร์นิเจอร์ได้ แต่จะต้องไม่ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักที่มากเกินไป เพราะจะทำให้บ้านของคุณเสียสมดุลได้นั่นเองค่ะ

            เป็นอย่างไรบ้างคะ? สำหรับการเปรียบเทียบเพื่อให้คุณนำไปประกอบการตัดสินใจในการซื้อบ้าน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือไม่ก็ตาม ระหว่างบ้านน็อคดาวน์และบ้านแบบปรกติ ก็คือ บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์นั่นเอง ใครที่กำลังต้องการบ้านใหม่ ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้ได้บ้านที่ตนเองต้องการและปลอดภัยนะคะ